#HighSpiritHiCalcium

มาทำความรู้จัก “แคลเซียม” มิตรรักของร่างกายเรา

แคลเซียม เป็นชื่อแร่ธาตุสำคัญ เป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่งของร่างกาย อยู่ในเนื้อเยื่อต่างๆ และของเหลว เพื่อช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนกระดูกเสื่อม ควบคุมการทำงานของหลอดเลือด ความเป็นกรดด่างภายในเลือด การแข็งตัวของเลือด ควบคุมการเต้นของหัวใจ การยืดและหดตัวของกล้ามเนื้อ ร่วมถึงการทำงานระบบประสาท การส่งความรู้สึกไปตามเส้นประสาท และยังเป็นตัวช่วยกระตุ้นระบบน้ำย่อยให้ทำงานเป็นปกติ การผลิตฮอร์โมนบางชนิด

การขาดแคลเซียม
ทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อนในเด็ก ส่วนในผู้ใหญ่เกิดภาวะกระดูกเสื่อม โรคกระดูกพรุน เพราะร่างกายต้องดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้ ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง เป็นผลให้กระดูกแตกหักง่าย ซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังจากอายุ 35-40 ปี โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน

แคลเซียม ได้มาจากไหน ?
แหล่งที่พบแคลเซียมมาก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากนมทุกชนิด นมถั่วเหลือง ถั่วขาว ถั่วแระ งา ข้าวโอ๊ต เต้าหู้ ผักใบเขียว คะน้า บลอคโคลี่ ร่วมถึง ปลาตัวเล็กที่กินได้ทั้งกระดูก กะปิ กุ้งแห้ง

รับ แคลเซียม อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพ
การให้ร่างกายได้รับ แคลเซี่ยม อย่างเพียงพอควรแบ่งเป็นมื้อเล็กหลายๆ มื้อจะทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่าการรับประทานครั้งละมากๆ หรือเป็นช่วงก่อนนอน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้มากที่สุด ที่สำคัญ ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปด้วยเพื่อเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี

*** โดยสำนักโภชนาการ กรมอนามัย ได้แนะนำปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ คือ 800-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือตามความต้องการในแต่ละช่วงอายุ ซึ่งแคลเซียมที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละช่วงอายุ (มิลลิกรัม) มีดังนี้

อายุ 0-5 เดือน 210 มก. (จากการดื่มนมแม่)   |   อายุ 6-11 เดือน 270 มก. (จากการดื่มนมแม่)
อายุ 1-3 ปี 500 มก.   |   อายุ 4-8 ปี 800 มก.
อายุ 9-18 ปี 1,000 มก.  |  อายุ 19-50 ปี 800 มก.
อายุ มากกว่า 51 ปี 1,000 มก.  |  อายุ หญิงตั้งครรภ์* 800 มก.
อายุ หญิงให้นมบุตร* 800 มก.    *หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรที่เป็นวัยรุ่น
ควรบริโภคแคลเซียมตามปริมาณที่แนะนำในช่วงอายุ 19 ปีเป็นต้นไป ***