ต้อนรับเทศกาลกินเจ…สร้างสุข(ภาพ)ดี

 In Article, vegan

เทศกาลกินเจของทุกๆ ปีจะตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง  9 ค่ำ เดือน 9 ซึ่งในปีนี้จะตรงกับวันที่ 1 – 9 ตุลาคม (บางท่านอาจกินก่อน 1-2วันที่เรียกว่ากินล้างท้อง) นับเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่ทุกคนจะมีโอกาสได้ทำบุญถือศีลบำเพ็ญธรรม ไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิต เรียกว่าได้ทั้งความสุขกาย สุขใจและมีสุขภาพดีไปพร้อมกัน ปัจจุบันนี้จึงมีคนรุ่นใหม่และคนวัยทำงานนิยมกินเจมากขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นเพราะความเชื่อทางศาสนา หรือจากกระแสรักสุขภาพทั่วโลกที่พบว่า อาหารมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ เช่น สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกาได้แนะนำให้เลือกกินอาหารจากพืชเป็นหลัก สมาคมโรคหัวใจของสหรัฐอเมริกาแนะนำให้เลือกกินอาหารให้สมดุลโดยเน้นอาหารประเภทผักผลไม้และธัญพืช เป็นต้น

ปัจจุบันมีงานวิจัยจำนวนมากพบว่า การ กินเจ หรืออาหารมังสวิรัติจะช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยหรืออัตราการตายจากโรคเรื้อรังชนิดไม่ติดต่อต่างๆ ได้ ส่วนในกลุ่มที่ไม่กินมังสวิรัตินั้นจะมีแนวโน้มที่มีความดันโลหิตสูง เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และปอด รวมถึงมีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง

ตามธรรมเนียมนิยมแต่โบราณ การกินเจจะงดกินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ทุกชนิดจากสัตว์ เช่น ไข่ นม น้ำผึ้ง รวมถึงผักที่มีกลิ่นฉุนบางชนิด เช่น กุยช่าย หัวหอม กระเทียม เป็นต้น ดังนั้นผู้ที่กินเจจะกินโปรตีนจากธัญพืชชนิดต่างๆ แทน เช่น ถั่วเหลือง นมถั่วเหลือง เป็นต้น

นมถั่วเหลือง นับว่าเป็นอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะประกอบไปด้วยสารอาหารทั้ง 5 หมู่ อันได้แก่ โปรตีน, ไขมัน, คาร์โบโฮเดรต, เกลือแร่ และวิตามินหลากชนิด แล้วประโยชน์ของถั่วเหลืองล่ะ จะจัดเต็มขนาดไหน มาอ่านกันเลยจ้า

ประโยชน์ของถั่วเหลือง ธัญพืชเมล็ดจิ๋ว แต่สรรพคุณไม่เล็กตาม

1. ถั่วเหลืองอุดมไปด้วยโปรตีน ดีต่อคนไม่กินเนื้อสัตว์

ในนมถั่วเหลืองมีโปรตีนโกลบูลิน (Globulin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสมบูรณ์ เนื่องจากประกอบไปด้วยกรดอะมิโนจำเป็นต่อร่างกาย ครบทั้ง 10 ชนิด แถมยังมีเยอะกว่าในเนื้อสัตว์อีกด้วย โดยพบว่าถั่วเหลืองปรุงสุกเพียง 1 ถ้วยตวง มีปริมาณโปรตีนมากถึง 22 กรัม ซึ่งมากกว่าสเต็ก 1 ชิ้นซะอีก

2. ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้

นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทศัลยศาสตร์ ได้เปิดเผยว่า สารที่อยู่ในถั่วเหลืองอย่างเดดซีน (daidzein) และจีนิสทีน (genistein) จะไปช่วยการหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ดังนั้นคุณผู้ชายก็ควรกินถั่วเหลืองกันด้วยนะคะ แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ

3. แก้อาการวัยทองได้

ถั่วเหลืองมีไอโซฟลาโวนเป็นส่วนประกอบและมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง จึงช่วยลดอาการร้อนวูบวาบของสตรีวัยหมดประจำเดือนที่มีสาเหตุมาจากภาวะเอสโตรเจนในร่างกายลดน้อยลงได้ ดังนั้นจึงสามารถกินอาหารที่ทำจากถั่วเหลืองแทนการใช้ฮอร์โมนทดแทนได้นั่นเองค่ะ

4. ป้องกันโรคกระดูกพรุน

นอกจากจะช่วยแก้อาการวัยทองแล้ว ไอโซฟลาโวนในถั่วเหลืองยังมีการศึกษาจำนวนมากที่บ่งชี้ว่าสามารถเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนได้ อีกทั้งในถั่วเหลืองเองก็ยังมีแคลเซียม และวิตามินอื่น ๆ อีกจำนวนไม่น้อย ซึ่งก็จะช่วยในการผลิต รวมทั้งซ่อมแซมกระดูกส่วนที่สึกหรอได้

5. กระตุ้นการขับถ่าย

ไฟเบอร์ในถั่วเหลืองปริมาณ 100 กรัม มีอยู่ราว  4.7 มิลลิกรัม ซึ่งก็เพียงพอที่จะกระตุ้นระบบการขับถ่ายในร่างกายของเราให้ทำงานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะหากกินถั่วเหลืองต้มสุกที่ยังคงอยู่ในลักษณะเต็มเม็ด ซึ่งจะได้รับไฟเบอร์จากเมล็ดถั่วเหลืองค่อนข้างจะสมบูรณ์

6. ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด

สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาเผยว่า ถั่วเหลืองมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวในอัตราส่วนที่สูง ซึ่งกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวจะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ป้องกันการสะสมของไขมันในหลอดเลือดชั้นใน อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงได้

7. ป้องกันอาการเจ็บป่วย

ด้วยแร่ธาตุและวิตามินในถั่วเหลืองโดยเฉพาะวิตามินซี จะช่วยบำรุงสุขภาพโดยรวมให้กับร่างกายเราได้ โดยป้องกันอาการเจ็บป่วย กระตุ้นความสดชื่นแจ่มใส ยิ่งกับคนที่กินถั่วเหลืองเป็นประจำ ไม่ว่าจะในรูปที่นำมาทำเป็นน้ำเต้าหู้ เต้าหู้ นมถั่วเหลือง หรือขนมหวานก็ตาม

เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ด้วยการกินผักผลไม้อย่างหลากหลาย ระวังเรื่องชนิดและปริมาณไขมันในอาหารเจที่สำคัญควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้เบิกบานและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพที่สมบูรณ์

เชื่อว่าหลังจากที่ได้รู้ประโยชน์ของถั่วเหลืองกันไปแล้ว หลายคนน่าจะอยากกินถั่วเหลืองกันมากขึ้นแน่ ๆ มื้อถัดไปนี้ลองหา แลคตาซอยดื่มกันนะคร้าบบบ

Recent Posts

Start typing and press Enter to search