หวานน้อย สุขภาพดี

 In Blog

คำถามที่สำคัญก็คือควรกินน้ำตาลเท่าใดในแต่ละวันจึงจะอยู่ในระดับที่ปลอดภัย

เนื่องจากอาหารผ่านกระบวนการผลิตที่เราบริโภคแทบทุกชนิดล้วนใส่น้ำตาลกันในปริมาณไม่น้อยโดยเฉพาะเครื่องดื่มต่างๆขนมของหวาน  รวมไปถึงผลไม้ในแต่ละวันกันอยู่แล้วดังนั้น  คำแนะนำขององค์การอนามัยโลก จึงค่อนข้างเคร่งครัด ตัวเลขที่แนะนำจึงเกี่ยวพันกับส่วนของน้ำตาลที่เติมเข้าไปด้วยตัวเราเอง เช่น จากเครื่องดื่มชากาแฟ น้ำตาลตักใส่อาหาร อาหารจานด่วน น้ำหวาน ขนมหวาน ฯลฯ

ตัวเลขคือไม่ควรกินน้ำตาลชนิดเติมเข้าไปเกินกว่า 6 ช้อนชาต่อวัน (24 กรัม) ซึ่งเป็นการปรับตัวเลขลงหลังจากพบการเชื่อมโยงกับหลายโรคโดยเฉพาะโรคมะเร็ง เดิมชายไม่ควรเกิน 9 ช้อนชาต่อวัน ส่วนหญิงไม่เกิน 6 ช้อนชา

“6 ช้อนชาไปได้ไกลแค่ไหนต่อวัน?
ลองดูตัวเลขจากงานศึกษา
(
) ช็อกโกแลตแท่งเล็ก มีน้ำตาลประมาณ 4.9 ช้อนชา
(
) เครื่องดื่มชูกำลังกระป๋องเล็ก 4.1 ช้อนชา
(
) เครื่องดื่มกระป๋องน้ำดำ 5.6 ช้อนชา
(
) น้ำส้มครึ่งลิตร 7.5 ช้อนชา
(
) น้ำแดงโซดา 15.5 ช้อนชา
(
) ชามะนาว 12.6 ช้อนชา
(
) ชาดำเย็น 12.5 ช้อนชา
(
) นมเย็น 12.3 ช้อนชา

สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) สำรวจและพบว่าน้ำแดงโซดานั้นเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของคนไทย (ชอบมากจนเผื่อเอาไปบูชารูปปั้นกัน แม้แต่ในสนามบินสุวรรณภูมิ) รวมทั้งอีก 3 ชนิดหลังด้วยบวกกับการชอบใส่น้ำตาลในอาหาร ชากาแฟ และเครื่องดื่มที่สุดหวานต่างๆ สถิติวิจัยการบริโภคน้ำตาลชนิดเติมเพิ่มของคนไทยคือวันละ 28 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขปลอดภัยเกือบ 5 เท่าตัว

ในตอนเย็นแทบทุกหน้าโรงเรียน เราจะเห็นการขายลูกชิ้นทอดในน้ำมันซึ่งใช้มาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง สารพัดเครื่องดื่มสุดหวาน ไอศครีม เครื่องดื่ม ของกรุบกริบที่แสนเค็ม ฯลฯ พฤติกรรมเช่นนี้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งเพราะเด็กเหล่านี้คือสมบัติที่มีค่าของสังคมเราทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ในเรื่องความสัมพันธ์ของน้ำตาลกับมะเร็งนั้น งานวิจัยล่าสุดที่ศึกษาถึง 7 ปี โดยความร่วมมือของสถาบันวิจัยเบลเยียม VIB–KU Leuven (2008-2017) พบในห้องทดลองว่าเซลล์มะเร็งต้องการน้ำตาลเป็นอาหารมากกว่าเซลล์ปกติแทบทุกชนิดของร่างกาย อีกทั้งพบว่าการบริโภคน้ำตาลเกินความพอดีมีความสัมพันธ์อย่างเด่นชัดกับการเติบโตของเซลล์มะเร็ง

  น้ำตาลมีประโยชน์มหาศาลต่อร่างกาย แต่ประเด็นอยู่ที่การบริโภคเป็นปริมาณมากเกินความพอดีเป็นเวลายาวนานอย่างเป็นนิสัยเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพ สิ่งที่ต้องระวังก็คือการเสพติดน้ำตาลขนาดหนักจนทำให้ต้องการเสพเป็นปริมาณมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่จะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพในเวลาไม่นาน

*ขอบคุณที่มา คอลัมน์ “อาหารสมอง” นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับอังคารที่ 26 ธ.ค. 2560

Recent Posts

Start typing and press Enter to search